แยกออกไหมคะ ระหว่าง ‘ไอศกรีม’ กับ ‘เจลาโต้’? แน่นอนว่าสิ่งที่เห็นชัดๆ คือเนื้อไอศกรีมที่ต่างกัน ซึ่งนั่นคือ 1 เหตุผลที่ทำให้เจลาโต้คือไอศกรีมสัญชาติอิตาเลี่ยนฮอตฮิตไปทั่วโลก
“เจลาโต้” ไอศกรีมเนื้อเนียนสุดละเมียด
ขยายความไปที่เหตุผลแรกถึงเรื่องของเนื้อไอศกรีมเจลาโต้ที่นุ่มนวลกว่าไอศกรีมแบบตักเป็นลูกกลมๆ ซึ่งที่มาของเนื้อไอศกรีมเจลาโต้อยู่ที่กระบวนการผลิตในช่วงการปั่น
ไอศกรีมเจลาโต้ปั่นด้วยความเร็วที่ช้ากว่าไอศกรีมทั่วไป ทำให้ได้เนื้อสัมผัสที่มีความหนาแน่นมากกว่า และเนื่องจากมีอากาศแทรกอยู่ในส่วนผสมประมาณ 25-30% หากเทียบกับไอศกรีมปกติที่มีอาการอยู่ถึง 50% ทำให้เนื้อขึ้นฟูน้อย เนื้อเนียน และยังเก็บในอุณหภูมิที่อุ่นกว่าไอศกรีมปกติคือ เก็บที่ราว -9.4 องศาเซลเซียส ยิ่งทำให้เนื้อสัมผัสนวลนุ่มหนืดกว่าไอศกรีมซึ่งมีลักษณะเป็นเกล็ดน้ำแข็งมากกว่า
และความที่เนื้อไอศกรีมเจลาโต้เป็นแบบนี้นี่แหละ ทำให้กลายเป็นไอศกรีมที่ฮิตไปทั่วโลกไปเป็นที่เรียบร้อย
“เจลาโต้” คือทางเลือกของคนไม่อยากอ้วน
เหตุผลต่อมาที่ทำให้เจลาโต้ฮิตมากๆ คือ ผู้ประกอบการหลายคนนำผลไม้สดๆ มาเพิ่มเติมลงไปในเนื้อไอศกรีม เพราะถ้าย้อนไปที่เหตุผลแรกเนื้อไอศกรีมเจลาโต้จะทำให้คนกินสัมผัสถึงรสชาติของวัตถุดิบได้มากขึ้นไอศกรีมทั่วไป จึงเป็นเหตุผลที่คนทำไอศกรีมเจลาโต้นิยมนำเอาวัตถุดิบที่เน้นความสดใหม่มาทำ ซึ่งเป็นความอร่อยที่แตกต่างต่างจากไอศกรีม โดยเฉพาะการนำผลไม้สดๆ และส่วนผสมจากธรรมชาติ ที่มอบรสชาติเข้มข้นของความเป็นไอศกรีมและผลไม้
นอกจากนี้ ในส่วนผสมของไอศกรีมเจลาโต้ ยังมีไขมันน้อยกว่าไอศกรีมปกติ เพราะตามหลักแล้วไอศกรีมต้องมีไขมันอยู่อย่างน้อย 10% แต่เจลาโต้มีไขมันอยู่เพียง 5-7% นั่นเพราะไอศกรีมมีครีมมากกว่านม ในขณะที่ส่วนผสมหลักของเจลาโต้มีนมมากกว่าครีม
“เจลาโต้” ดึงดูดความยากเพียงแค่มอง
อันนี้คือเรื่องจริงที่หลายคนอาจไม่รู้มาก่อนว่า ในยามที่มองภาพของเนื้อไอศกรีมเจลาโต้ที่วางเรียงในถาดผ่านกระจกตู้แช่ที่หน้าร้าน ความสวยงามของเนื้อเจลาโต้ และการนำเอาผลไม้มาตกแต่งที่หน้าไอศกรีมช่างดึงดูดความรู้สึกคนกินโดยไม่รู้ตัว เพราะความเป็นคลื่นพลิ้วๆ ที่ด้านหน้าเนื้อไอศกรีมที่แม้จะผ่านการตักเสิร์ฟไปบ้างก็ยังเชิญชวนให้ลิ้มลองอยู่เสมอ