รู้หรือไหมคะว่า ทั่วโลกมีวัฒนธรรมในการใช้การบำบัดด้วยน้ำเย็นหรือ Cold Water Therapy มาเป็นเวลานับพันปีแล้ว เช่น การแช่ตัวในน้ำเย็นถูกใช้เพื่อการบำบัดและการผ่อนคลายในกรีกโบราณและได้รับการส่งเสริมโดยแพทย์ชาวโรมันชื่อ Claudius Galen เพื่อใช้ในการรักษาคนไข้ในยุคดังกล่าว
ทั้งนี้ มีบทความที่ตีพิมพ์ในวารสาร European Journal of Applied Physiology เดือนกุมภาพันธ์ 2022 โดย แพทย์เอ็ดการ์ เอ. ไฮน์ส ระบุว่า Cold Water Therapy มีผลต่อความดันโลหิตและระบบประสาทอัตโนมัติ ซึ่งทำให้นักวิจัยหันมาให้ความสนใจกับน้ำเย็นและการฟื้นฟูร่างกายมากขึ้น โดยเฉพาะหลังการออกกำลังกาย เหล่านักกีฬามืออาชีพและนักกีฬาทั่วไปจำนวนมากค่อยๆ หันมาใช้การบำบัดด้วยน้ำเย็นเพื่อช่วยฟื้นฟูร่างกายหลังการออกกำลังกายจนทุกวันนี้
การใช้ความหนาวเย็นมาทำให้ร่างกายสุขภาพดี เรียกว่าเป็นการทำ “Cold Water Therapy” หรือ “การบำบัดด้วยน้ำเย็น” วิธีการคือ แช่ร่างกายในน้ำเย็นจัดเป็นระยะเวลาหนึ่ง ความเย็นจะไปช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบต่างๆ ในร่างกาย โดยหลักใหญ่ใจความสำคัญอยู่ที่ 2 ประเด็นนี้คือ
1. ช่วยลดอาการปวดและฟื้นฟูกล้ามเนื้อและข้อต่อ
มีงานวิจัยหนึ่งได้ประเมินประสิทธิผลของการบำบัดด้วยความเย็นประเภทต่างๆ ไม่ว่าจะใช้น้ำเย็นหรืออากาศเย็นว่า ชาย 10 คนกระโดดลงไปในน้ำที่มีอุณหภูมิ 50 องศาฟาเรนไฮต์เป็นเวลา 10 นาทีหลังจากทำท่าบริหารขาชุดหนึ่ง ในอีกวันหนึ่ง หลังจากทำท่าบริหารขาชุดเดียวกัน พวกเขาจะได้รับการบำบัดด้วยความเย็นทั้งตัวซึ่งเป็นการบำบัดโดยนั่งหรือยืนในห้องที่มีอากาศเย็นถึงลบ 200 องศาฟาเรนไฮต์ เป็นเวลาประมาณ 3 นาที
ผลคือ การแช่น้ำเย็นมีประสิทธิภาพมากกว่าการแช่เย็นทั้งตัวในการลดอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อและความรู้สึกฟื้นตัวหลังออกกำลังกาย 24 ถึง 48 ชั่วโมง
2. ช่วยลดการอักเสบในร่างกายและเพิ่มการไหลเวียนเลือดได้ดีขึ้น
การบำบัดด้วยน้ำเย็นมักใช้ในการบำบัดทางกายภาพเพื่อลดการอักเสบและอาการปวดในผู้ที่มีอาการปวดเรื้อรังและปวดในระยะสั้น (เฉียบพลัน) เช่น โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ โรคทางข้อมืออักเสบ โรคข้อเท้าแพลง และโรคเบาหวาน ตามการศึกษาวิจัยในวารสาร Journal of Athletic Training ระบุว่าผลที่ได้คือ เกิดการสูบฉีดเลือดที่เพิ่มการไหลเวียนของเลือดและส่งออกซิเจนและสารอาหารไปยังเนื้อเยื่อมากขึ้น จึงอาจช่วยลดอาการบวม ปรับปรุงการทำงานของกล้ามเนื้อ
นอกจากนี้ การบำบัดด้วยวิธีนี้ยังช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน ทำช่วยให้ร่างกายแข็งแรงขึ้น ลดระดับฮอร์โมนความเครียด “คอร์ติซอล” ได้ดี และมีส่วนช่วยปรับปรุงคุณภาพการนอนหลับให้หลับสบายขึ้น
ในการแช่ตัวในน้ำเย็นนั้นจะแช่ตั้งแต่คอลงไป หรือแค่ช่วงครึ่งตัวล่างก็ทำได้ ขึ้นอยู่กับอาการบาดเจ็บ หรือบริเวณที่ต้องการบำบัด ซึ่ง Cold Water Therapy สามารถทำได้ที่บ้าน ในคลินิกกายภาพบำบัด หรือในสตูดิโอฟื้นฟูเฉพาะทาง หรือหากอยู่ต่างประเทศในพื้นที่ที่มีอากาศหนาวเย็นก็สามารถเดินลุยลงไปในแหล่งน้ำที่เป็นน้ำแข็งได้เลย โดยระยะเวลาที่แช่ตัวในน้ำเย็นจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับอุณหภูมิและระดับความสามารถในการรับน้ำของแต่ละคน
สำหรับในบ้านเรา หากใครที่อยากลองทำการบำบัดด้วยความเย็นด้วยตัวเองนั้นก็สามารถทำได้ไม่ยาก เพียงแค่เตรียมน้ำแข็งและใส่ลงในอ่างหรือภาชนะที่ต้องการแล้วแช่ตัวในนั้น เพียงแต่เพื่อความปลอดภัย ควรปรึกษาแพทย์ก่อนทำ Cold Water Therapy โดยเฉพาะผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับหัวใจ ความดันโลหิต และการไหลเวียนโลหิตอื่นๆ จึงไม่ควรลองใช้การบำบัดด้วยน้ำเย็นโดยไม่ได้ปรึกษาแพทย์ก่อน
ใครที่อยากลองดูสักครั้งควรเริ่มต้นอย่างช้าๆ ด้วยการแช่น้ำเย็นในระยะเวลาสั้นๆ และค่อยๆ เพิ่มระยะเวลาขึ้นเรื่อยๆ ระหว่างนั้นให้ระวังภาวะอุณหภูมิร่างกายต่ำเสมอ หากรู้สึกหนาวสั่น หรือมีอาการผิดปกติ ควรหยุดทำทันที และช่วงเวลาที่ทำนั้น หากว่าเพิ่งกินข้าวมา ควรรออย่างน้อย 1 ชั่วโมงก่อนเสมอ
ใครที่ลองทำดูแล้วติดใจ ไม่อยากคอยเอาน้ำแข็งเทใส่ในอ่างเพื่อแช่ตัว เดี๋ยวนี้มีผู้ผลิตเครื่องทำน้ำเย็นแบบพกพา เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ เพราะตัวเครื่องมีขนาดเล็ก กะทัดรัด จึงเหมาะสำหรับพกพาไปใช้งานนอกสถานที่
แต่สำหรับผู้ที่ต้องการจริงจังกับการทำ Cold Water Therapy อยู่ที่บ้านละก็ เครื่องทำน้ำเย็นแบบติดตั้ง หรือที่เรียกว่า อ่างน้ำเย็นหมุนเวียน หรือ Cooling Bath ตอบโจทย์เป็นที่สุด
*ข้อมูลบางส่วนจาก https://www.everydayhealth.com/